เขียนเมื่อ : วันศุกร์ ที่ 2 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2561 | อ่านแล้ว : 9,584 ครั้ง

6 โรคในหน้าหนาวที่คุณต้องระวัง


อากาศหนาวมาเยือนเมืองไทยแล้วจ้า อยากจะตื่นเช้ามาจัดแฟชั่นหน้าหนาวออกมาทำงานเสียจริง และแน่นอนว่าเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิเย็นลงแบบนี้ย่อมทำให้เราป่วยง่ายเป็นธรรมดา วันนี้ทีมงานชาพระจันทร์ยิ้มรวบรวมโรคในหน้าหนาวมาให้ เพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือได้อย่างถูกต้อง

1.โรคไข้หวัดและโรคไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสติดต่อทางจมูก ปาก ตา เชื้อนี้อยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูกน้ำลายของผู้ป่วยที่ไอจามออกสู่สาธารณะ ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่ไม่ถือเป็นโรคร้ายแรง ส่วนมากให้ดูแลตามอาการและจะหายเองได้ภายใน 3-5 วัน

2.โรคติดเชื้อไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กเล็กเชื้อไวรัสนี้สามารถทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบได้ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่สามารถปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้

3.โรคปอดบวม เกิดจากการติดเชื้อในปอดทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ติดต่อทางจมูก ปาก ตา เชื้อนี้อยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูกน้ำลายของผู้ป่วยที่ไอจามออกสู่ สาธารณะ หากมีอาการของโรคปอดบวมไม่แนะนำให้รักษาด้วยตนเอง แต่ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน สำหรับการติดต่อของโรคและการป้องกันโรคปอดบวมนั้น เหมือนกันกับโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

4.โรคสุกใสหรือโรคอีสุกอีใสเกิดจากเชื้อไวรัส สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วยโดยเฉพาะน้ำจากตุ่มน้ำและติดต่อได้ทางอากาศ โดยมีอาการไข้เบื่ออาหาร อ่อนเพลียและปวดเมื่อยตามตัว ร่วมกับมีผื่นขึ้นพร้อมกับมีไข้หรือหลังจากมีไข้ สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วยโดยเฉพาะน้ำจากตุ่มน้ำและสามารถติดต่อได้ทางอากาศ

5.โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากเชื้อไวรัสมักพบในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ซึ่งโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่สามารถป้องกันและควบคุมได้โดยการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ผู้ปกครองควรแนะนำบุตรหลานและผู้เลี้ยงดูเด็กให้รักษาความสะอาด ตัดเล็บให้สั้น หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะก่อนและหลังรับประทานอาหาร หลังการขับถ่าย หลังไอ จามและหลังสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น หลังเปลี่ยนผ้าอ้อม หลังเช็ดตัว เป็นต้น

6.โรคอุจจาระร่วงในเด็ก ในฤดูหนาวมักจะเกิดกับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งติดต่อได้โดยการดื่มน้ำหรือกินอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อน



ขอบคุณข้อมูลจาก : mthai.com