ข่าวทั่วไป

เขียนเมื่อ : วันจันทร์ ที่ 4 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2564 | อ่านแล้ว : 4,201 ครั้ง

ยาเม็ดรักษาโควิด-19 “โมลนูพิราเวียร์” กำลังขออนุมัติ อย.สหรัฐฯนำมารักษาผู้ป่วยโควิด หลังทดลองพบการลดการเข้า รพ.และการเสียชีวิตได้ถึงราว 50%


  บริษัทเภสัชกรรม Merck ของสหรัฐฯ ประกาศว่า โมลนูพิราเวียร์ ยาเม็ดซึ่งทางบริษัททดลองเพื่อใช้บำบัดโรคโควิด-19 มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดอัตราการเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับเชื้อได้ถึงราว 50% สามารถต้านเชื้อโควิดกลายพันธุ์ได้ คาดว่ายาชนิดนี้จะมีความต้องการสูง และส่งผลให้ราคาหุ้นวัคซีนตกอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

  บริษัทเภสัชกรรม Merck ของสหรัฐฯ
ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ 1-ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า ยาเม็ดซึ่งทางบริษัททดลองเพื่อใช้บำบัดโรคโควิด-19 ที่มีชื่อว่า โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ช่วยลดอัตราการเข้าโรงพยาบาลและการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับเชื้อได้ถึงราว 50%

  คำแถลงของทางบริษัทระบุว่าผลการทดสอบยาเม็ด Molnupiravir ในขั้นที่สามประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจจนทำให้คณะกรรมการอิสระซึ่งติดตามผลการทดลองตัดสินใจยุติการทดลองและเลิกรับอาสาสมัครในขณะนี้เพื่อเริ่มกระบวนการขออนุมัติฉุกเฉินจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ

  โดยทางบริษัท Merck ระบุด้วยว่าจะยื่นขออนุมัติการใช้ยาเม็ด Molnupiravir เพื่อบำบัดโรคโควิด-19 จากหน่วยงานกำกับดูแลเรื่องยาทั่วโลกด้วย

  ยา Molnupiravir ดังกล่าวเป็น “ยาเม็ดที่ใช้ทางปากชนิดแรก” ซึ่งสามารถใช้บำบัดอาการของผู้ที่เพิ่งเริ่มติดเชื้อโควิด-19 ในระยะแรกและอาจจะเรียกได้ว่า “เป็นความก้าวหน้าอย่างสำคัญ”ในความพยายามเพื่อยุติการระบาดของเชื้อไวรัสนี้ด้วย

  ทั้งนี้ Merck และผู้ร่วมพัฒนาอย่าง Ridgeback Biotherapeutics กำลังจะยื่นเรื่องขออนุญาตใช้ยา Molnupiravir เป็นกรณีฉุกเฉินในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ถ้าได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ โมลนูพิราเวียร์จะเป็นยาต้านโควิดชนิดเม็ดตัวแรกที่ได้รับการรับรองจากทางการสหรัฐฯ

  บริษัทตั้งเป้าจะผลิตให้ได้ 10 ล้านคอร์สภายในปีนี้ ซึ่งทางการสหรัฐฯ เตรียมสั่งจองโมลนูพิราเวียร์แล้ว 1.7 ล้านคอร์ส หรือคิดเป็นเงินเกือบ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.04 หมื่นล้านบาท) และอาจสั่งจองเพิ่มอีก 3.5 ล้านคอร์สหากมีความจำเป็น เบื้องต้น Merck ได้ทำสัญญากับฐานการผลิตยาหลายแห่งในอินเดียเรียบร้อยแล้ว เพื่อกระจายยาต้านโควิดชนิดเม็ดอย่างโมลนูพิราเวียร์ให้ไปถึงประเทศที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางต่างๆ ที่อาจจะยังมีปัญหาด้านการเข้าถึงวัคซีนโควิด

  แอนโธนี ฟาวซี หัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านการรับมือ Covid-19 ของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยว่า ประทับใจกับข้อมูลของ Merck และย้ำว่าผลการทดลองไม่พบผู้เสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยา molnupiravir

  ยา molnupiravir จะเป็นยาต้าน Covid-19 ที่ใช้รับประทานตัวแรกที่ถูกนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน Molnupiravir เป็นยาต้านไวรัสชนิด polymerase inhibitors ซึ่งทำงานโดยการยับยั้งเอนไซม์ที่เชื้อไวรัสใช้ในการคัดลอกพันธุกรรมของตัวเอง แล้วทำให้พันธุกรรมของไวรัสกลายพันธุ์จนไม่สามารถแบ่งตัวได้ ซึ่งรับมือสายพันธุ์กลายพันธุ์ได้ดีกว่ายาชนิด monoclonal antibody หรือแอนติบอดีที่สร้างจากเม็ดเลือดขาว ซึ่งจะเข้าจัดการกับโปรตีนพื้นผิวของไวรัสที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

  จากการศึกษาการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในกลุ่มตัวอย่าง 775 ราย กินวันละ 2 ครั้ง นาน 5 วัน มีแค่ 7.3% ที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล และไม่มีใครเสียชีวิตด้วยโควิดเลย ส่วนอีกกลุ่มตัวอย่างหนึ่งที่ให้ยาหลอก (Placebo) ป่วยเข้าโรงพยาบาล 14.1% และตายด้วยโควิด 8 ราย

  ภายหลังแถลงการณ์ของ Merck ถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่า ราคาหุ้นของ Merck & Co เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2564 ปรับสูงขึ้น 9.0% ส่วนหุ้นวัคซีนต่างๆ ราคาตกลงถ้วนหน้า โดยราคาหุ้นวัคซีนที่ลดลงได้แก่

หุ้น Moderna ตก 13.9%
หุ้น BioNTech ตก 13.7%
หุ้น Novavax ตก 18.4%
ส่วนหุ้น Pfizer ตก 2.3%

  นายไมเคิล ยี ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีชีวภาพของบริษัทเจฟเฟอรีส์ กล่าวว่า ราคาหุ้นของบริษัทผลิตวัคซีนที่ร่วงลงเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนจะกลัวโควิดน้อยลง และจะลดความต้องการฉีดวัคซีน ในเมื่อมียาเม็ดที่กินได้ง่ายเพื่อรักษาโควิด

  ถ้าหากยา Molnupiravi ผ่านการขึ้นทะเบียนจากรัฐบาลสหรัฐฯคาดว่าจะมีปริมาณความต้องการสูงเพราะยาชนิดนี้ผู้ป่วยสามารถรับประทานเองได้ที่บ้านเหมือนยารักษาไข้หวัดใหญ่ไม่จำเป็นต้องให้ยาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญขณะอยู่ในโรงพยาบาล



ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : thunkhaotoday