เขียนเมื่อ : วันพุธ ที่ 17 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2561 | อ่านแล้ว : 2,018 ครั้ง

กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน แจกสูตรเครื่องดื่มหวานน้อยแต่อร่อย


เดี๋ยวนี้หันไปทางไหน ผู้คนก็จริงจังกับดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องของการลดน้ำหนักที่มาจากภาวะน้ำหนักเกิน อันเป็นบ่อเกิดของสารพัดโรค เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง และกำลังปัญหาสุขภาพของคนไทย คือ พฤติกรรมการบริโภคหวาน แม้ว่าความหวานจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ใช้ในร่างกาย ซึ่งคนปกติทั่วไปควรได้น้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา ต่อ 1 วัน แต่ถ้าบริโภคมากเกินไปก็จะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกาย ดังนั้นการบริโภคน้ำตาลมากส่งผลให้มีน้ำหนักเกิน อ้วนและทำให้เกิดโรคปัญหาทางสุขภาพตามมาได้

1.น้ำมะตูม
มะตูมเป็นสมุนไพรที่ดีอย่างหนึ่งที่รู้จักกันแพร่หลาย สามารถหาซื้อลูกมะตูมอ่อนที่หั่นเป็นแว่นๆ ตากแห้งขายอยู่ตามร้านขายยาแผนโบราณหรือตามตลาด โดยสรรพคุณทางยาของมะตูมนั้น สามารถขับลม บรรเทาอาการท้องผูก บรรเทาอาการอ่อนเพลียและจุกเสียด
วิธีการทำน้ำมะตูม
ใช้มะตูมอ่อนที่ฝานเป็นแผ่นตากแดดให้แห้ง ล้างน้ำให้สะอาด ใช้สันมีดทุบให้พอแตกเป็นรอยร้าวทั้งลูก ต้มน้ำเปล่าสะอาด 300ml. ประมาณ 10-15 นาที โดยใช้ไฟปานกลางใส่น้ำตาลปริมาณ 1 ช้อนชา ต้มต่อไปจนน้ำตาลละลายดี ปิดไฟตั้งทิ้งไว้ให้เย็น เทใส่ขวดน้ำพลาสติกที่ล้างสะอาดแช่เย็นเก็บไว้ดื่มได้ เวลาดื่มใช้ผสมในน้ำแข็ง โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่มีอากาศร้อนจัดจะทำให้สดชื่น แก้ร้อนในกระหายน้ำได้ดี บางคนอาจชอบต้มกับน้ำเปล่าโดยไม่ใส่น้ำตาลก็เหมือนดื่มน้ำชาสมุนไพรนั้นเอง ซึ่งสามารถดื่มได้ทั้งขณะอุ่นหรือผสมน้ำแข็งดื่มได้เช่นกัน

2.น้ำผลไม้รวม
แครอท มีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตาอีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง ขับปัสสาวะและอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย
เสาวรส อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและไฟเบอร์สูง จึงสามารถช่วยขจัดคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ อีกทั้งยังช่วยขับสารพิษในลำไส้รวมทั้งช่วยควบคุมการทำงานของหัวใจและความดันโลหิตให้เป็นปกติได้ด้วย
มะม่วง มีวิตามินซีที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจน ช่วยป้องกันหวัดและเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งในผลดิบส่วนใหญ่จะมีวิตามินซีสูงกว่าผลสุก แต่มะม่วงก็เป็นหนึ่งในสิบอันดับผลไม้ที่มีวิตามินอีที่จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
สับปะรด มีวิตามินช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ รวมถึงช่วยในการย่อยอาหารและควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด
วิธีการทำน้ำผลไม้รวม (ไม่มีน้ำตาล)
นำแครอทและสับปะรดมาปั่นละเอียด ส่วนมะม่วงให้แยกเนื้อ ผสมผลไม้ตามด้วยน้ำเสาวรสและน้ำเปล่า เคี่ยวด้วยความร้อนให้เข้ากัน เติมเกลือประมาณ 1 ช้อนชา ทั้งนี้สามารถใส่น้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสหวานและกลิ่นหอมได้

3.น้ำตะไคร้
มีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม ลดความดันโลหิตสูง ช่วยขับปัสสาวะและขับเหงื่อได้ดีลดพิษของสารแปลกปลอมในร่างกาย
วิธีการทำน้ำตะไคร้
นำตะไคร้ประมาณ 200g. มาหั่นให้เป็นท่อนๆ ต้มตะไคร้พร้อมกับน้ำเปล่าสะอาด 250ml. ประมาณ 5-10 นาที แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่น้ำตาลประมาณ 1 ช้อนชา ถ้าชอบรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อยให้เติมมะนาว เพื่อความชุ่มคอแล้วกรองอีกครั้ง หากกรอกลงขวดพลาสติกต้องลดให้อุณหภูมิ 68 องศาเซลเซียส ปิดฝาให้สนิทแล้วจึงแช่เย็น

สำหรับชีวิตประจำวัน “น้ำเปล่า” ถือเป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุดเพราะไม่มีพลังงาน ปราศจากน้ำตาลและสารปรุงแต่งโดยจะต้องเป็นน้ำที่สะอาด ซึ่งน้ำจะช่วยลดอุณหภูมิของร่างกาย ปรับระดับความดันโลหิต ช่วยลำเลียงอาหารและออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ สุขภาพดีสร้างได้ง่ายด้วยการใช้ชีวิตให้มีความสมดุล กินหลากหลาย ลดหวาน มัน เค็ม ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ เพียงเท่านี้เราก็จะมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน



ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือเครื่องดื่มน้ำตาลน้อยทางเลือกเพื่อสุขภาพ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์