เขียนเมื่อ : วันศุกร์ ที่ 10 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2560 | อ่านแล้ว : 1,621 ครั้ง

อาหารทะเลไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลเรื่องคอเลสเตอรอล


 การศีกษาของ สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) เรื่อง “ชีวิวิทยาของเซลล์และโมเลกุล” ซึ่งได้รับการเผยแพร่ในปี 2010 รายงานว่า การรับคอเลสเตอรอลปริมาณ 750 มิลลิกรัมต่อวันจากกุ้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ ไม่มีผลใดๆ ต่อคอเลสเตอรอลในกระแสเลือดของผู้ที่มีสุขภาพดี

  ในปี 2009 มีการศึกษาเรื่อง “บันทึกของสมาคมควบคุมอาหารในอเมริกา” มีผลออกมาว่า การรับประทานกุ้ง หอย ปู เป็นจำนวนมาก ไม่ได้มีผลกระทบที่ชัดเจนต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ การศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน พบว่า การบริโภคกุ้ง หอย ปู ไม่ได้มีอันตรายในเรื่องคอเลสเตอรอล จากการตรวจคนที่ทานกุ้ง ปู หอยนางรม หอยแมลงภู่ หอยกาบ เป็นประจำ ก็ไม่ได้พบความเสี่ยงของการเพิ่มคอเลสเตอรอลในร่างกาย นอกจากนี้ ปูและหอยกาบยังช่วยลด LDL ในเลือด ส่วนหอยแมลงภู่และหอยนางรมก็ทั้งช่วยลด LDL และเพิ่ม HDL อีกด้วย

  จากข้อมูลทั้งหมดจะเห็นได้ว่า อาหารทะเลช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายเราได้ เพราะมีไขมันอิ่มตัวอยู่น้อยมาก เราจึงไม่ต้องกังวลเรื่อง LDL หรือไขมันไม่ดีที่จะเข้ามาสะสมในกระแสเลือด ทั้งยังได้รับ HDL หรือไขมันดี ที่จะช่วยลดไขมันไม่ดีในร่างกายเรา รวมถึงโอเมก้า 3 ที่แทบไม่พบในเนื้อสัตว์ชนิดอื่น แต่พบได้มากในอาหารทะเล ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคอันเกิดจากคอเรลสเตอรอล เช่น โรคความดัน โรคหัวใจ เป็นต้น

​  อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่มีปัญหาคอเลสเตอรอลสูงอยู่แล้ว แนะนำให้เลือกรับประทานพวกปลาและหอย ที่มีคอเลสเตอรอลน้อย ส่วนพวกกุ้งและปูนั้น เมื่อจะทานก็ควรมีการคำนวณปริมาณคอเลสเตอรอล จัดสรรอาหารมื้ออื่นๆ เพื่อให้เหมาะสมกับปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โดยตามคำแนะนำของ สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association) ผู้ใหญ่ควรรับคอเลสเตอรอลไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน

 การควบคุมคอเลสเตอรอลนั้น ปริมาณที่เหมาะสม คือสิ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุด หากเราแค่หลีกเลี่ยงอาหารที่ได้ยินมาว่ามีคอเลสเตอรอลสูง แต่ก็ยังรับประทานอาหารชนิดอื่นๆ อย่างไม่คำนึงถึงปริมาณคอเลสเตอรอลทั้งหมดที่ได้รับ สุขภาพที่ดีก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน การศึกษาปริมาณคอเลสเตอรอลคร่าวๆ ของอาหารแต่ละชนิดจึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก เพราะจะทำให้เราสามารถจัดสรรเมนูอาหารในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม และไม่จำเป็นต้องเลิกรับประทานอาหารที่ชอบ โดยยังคงสุขภาพที่ดีอยู่ได้

ที่มา :boxoffish