ธรรมะ พระจันทร์ยิ้ม

เขียนเมื่อ : วันอังคาร ที่ 7 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2560 | อ่านแล้ว : 902 ครั้ง

10 เทคนิคกินอย่างพอเพียง


เพื่อการมีสุขภาพที่ดี ไม่เกิดภาวะขาดสารอาหารหรือภาวะโภชนาการเกินด้วย 10 เทคนิคต่อไปนี้

1. กินพออิ่ม ควรกินแค่พออิ่มในแต่ละมื้อ โดยตักอาหารที่พอดีจนเกิดเป็นนิสัย ไม่เยอะจนเกินไป

2.ไม่กินทิ้งกินขว้าง ต้องคำนวณให้ดีในการซื้อแต่ละครั้ง เพราะหากซื้อมากเกินไป กินไม่หมด ก็ทำให้เราเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์

3. อาหารที่มีคุณค่าราคาถูก อาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาจใช้เต้าหู้ หรือถั่วเมล็ดแห้งผสม ซึ่งมีโปรตีนและใยอาหารสูง หรือเลือกกินปลาน้ำจืดสลับกับปลาทะเล และกินผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัม โดยเลือกเป็นผักผลไม้พื้นบ้าน ที่หาได้ง่ายและราคาถูก รวมไปถึงการกินไข่ ที่ให้โปรตีนคุณภาพดี ราคาไม่แพงแถมได้สุขภาพดีอีกด้วย

4. กินผลไม้แทนขนมหวาน ควรเลือกผลไม้ที่มีตามฤดูกาล เนื่องจากหาซื้อง่าย ราคาถูก ที่สำคัญคือร่างกายได้รับใยอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แทนความหวานและไขมันจากน้ำตาล และกะทิในขนมหวาน

5. ลดการกินจุบจิบ ของกินส่วนใหญ่ที่นอกเหนือจากผักผลไม้ที่เรากินแล้ว บางชนิดก็ยังให้พลังงานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ จนทำให้เกิด ภาวะอ้วนลงพุงได้ และไม่ควรกินวันละหลายๆ มื้อ เพราะหากติดเป็นนิสัยแล้วผลที่ตามมาคือ ภาวะโรคอ้วน

6. ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด เพราะดื่มเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน สิ่งสำคัญคือต้องเลือกน้ำสะอาด เพราะน้ำจะช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกมาทางเหงื่อ หรือปัสสาวะ และยังช่วยลดอาการอ่อนเพลียของร่ายกายได้

7. กินอาหารไทย เพราะอาหารไทยเลือกใช้วัตถุดิบภายในประเทศ คุณค่าทางอาหารถือว่าครบถ้วนใน 1 เมนู และถือว่าเป็นการช่วยเศรษฐกิจชาติอีกด้วย

8. ลดการสั่งอาหารราคาพิเศษ เช่น เพิ่มข้าว เพิ่มกับข้าว แต่กินไม่หมด จึงสิ้นเปลืองทั้งเงินและเสียดายอาหารที่เหลือด้วย

9. งดกินอาหารมื้อดึก เมื่อกินอาหารแล้วเข้านอนทันที ทำให้ร่างกายไม่ได้เผาผลาญพลังงาน สะสมเป็นไขมัน จึงทำให้เกิดภาวะอ้วนได้

10. เคี้ยวอาหารช้าๆ อย่ารีบร้อน เพราะการเคี้ยวอาหารแบบช้าๆ จะทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว ลดปัญหาของระบบย่อยอาหาร และการกินอาหารแบบเร่งรีบจะทำให้เราจุกและกินอาหารมากขึ้นกว่าเดิม

  การเลือกปฏิบัติตัวตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในด้านการกินอาหาร นั่นคือ การประมาณตน กินเท่าที่อิ่ม และเพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายจะได้รับในแต่ละวัน และเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพียงเท่านี้ก็ทำให้เรามีสุขภาพที่ดี และยังเห็นคุณค่าของการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากขึ้น