ธรรมะ พระจันทร์ยิ้ม

เขียนเมื่อ : วันศุกร์ ที่ 9 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2560 | อ่านแล้ว : 2,970 ครั้ง

คิดต่าง ฉบับที่19 ฐานสำคัญของชีวิต


พระพุทธองค์ทรงสอนเอาไว้ว่า “ผู้รักธรรมเป็นผู้เจริญ ผู้ชังธรรมเป็นผู้เสื่อม” ทำไมจึงทรงกล่าวเช่นนั้น? ก็เป็นเพราะว่าธรรมะนั้นจะช่วยให้ผู้ประพฤติธรรมนั้นมีความเจริญ ส่วนผู้ที่ไม่ประพฤติธรรมนั้นก็จะไม่มีความเจริญ และถ้ายิ่งเป็นผู้ที่เกลียดการประพฤติธรรมก็จะมีแต่ความเสื่อม เพราะประพฤติตรงข้ามกับธรรม

คำว่าธรรมหรือธรรมะในที่นี้จะหมายถึงการละเว้นความชั่วและหันมาทำแต่ความดีงาม ซึ่งความชั่วก็สรุปอยู่ที่การกระทำที่เบียดเบียนชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น การลุ่มหลงอบายมุข ติดสิ่งเสพติด ฟุ่มเฟือย เกียจคร้าน ไม่อดทน มีกิริยาวาจาไม่สุภาพและคิดโลภ คิดโกรธอาฆาตพยาบาท ไม่ซื่อสัตย์ รวมทั้งมีความเห็นผิดจากธรรมนองคลองธรรม ส่วนความดีก็สรุปอยู่ที่การช่วยเหลือผู้อื่น ขยัน อดทน มัธยัสถ์ มีกิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยนและคิดแต่จะช่วยเหลือผู้อื่น คิดให้อภัย ซื่อสัตย์ รวมทั้งมีความเห็นที่ถูกตามทำนองคลองธรรม

ความเจริญในที่นี้ก็คือการมีทรัพย์ มีเกียรติและมีความสุขที่มั่นคง ซึ่งผู้ที่เป็นคนดีไม่ทำผิด มีความขยันอดทนในการทำหน้าที่การงานและไม่โลภ รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่-ทำอยู่ ไม่โง่งมงาย รวมทั้งรู้จักประหยัดอดออม รู้จักใช้จ่าย ก็ย่อมที่จะมีทรัพย์มากและมีผู้คนเคารพยกย่องเสมอ ซึ่งก็จะทำให้มีความสุขที่มั่นคง
ส่วนความเสื่อมก็คือลักษณะตรงข้ามกับความเจริญ อันได้แก่การขาดแคลนทรัพย์ ด้อยเกียรติและไม่มีความสุขที่มั่นคง ซึ่งผู้ที่ชอบทำผิด เกียจคร้านในการทำหน้าที่การงานของตนเองและมีแต่ความโลภ ไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่-ทำอยู่ โง่งมงาย ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่ประหยัด ก็ย่อมที่จะขาดแคลนทรัพย์และไม่มีใครยกย่อง ซึ่งก็จะทำให้ขาดความสุขที่มั่นคง จะมีแต่ปัญหารุมเร้าชีวิตอยู่เสมอ ซึ่งอนาคตก็มีแนวโน้มว่าจะเจริญ