ข่าวทั่วไป

เขียนเมื่อ : วันเสาร์ ที่ 11 เดือน กันยายน พ.ศ.2564 | อ่านแล้ว : 3,095 ครั้ง

เพิ่มกิจกรรมทางกาย ต้านภัยโควิด-19


  ผลสำรวจระดับกิจกรรมทางกาย พบว่าประชากรไทยมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ และมีพฤติกรรมเนือยนิ่งในแต่ละวัน สูงเกือบ 14 ชั่วโมง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงส่งเสริมให้คนทุกช่วงวัย มีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น เพื่อร่างกายที่แข็งแรง และป้องกันโควิด-19

  กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
ร่วมกับเครือข่าย ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงแรงงาน (รง.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดส.) สำนักงบประมาณ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมให้คนไทยทุกกลุ่มวัย มีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้น และลดพฤติกรรมเนือยนิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

  นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ที่กระทรวงสาธารณสุขว่า ประเทศไทยได้มุ่งเน้นในประเด็นเรื่องโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เนื่องจากในแต่ละปี กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตไม่น้อยกว่า 36 ล้านคนทั่วโลก หรือคิดเป็นร้อยละ 63 ของสาเหตุการตายทั้งหมด

  นพ.บัญชา กล่าวว่า การมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ ได้ถูกกำหนดให้เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับที่ 4 ของสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลก เนื่องจากการมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอนำไปสู่การเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยพบว่า การมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอส่งผลให้เกิดการเสียชีวิต 3.2 ล้านคนต่อปีของทั้งโลก และคนไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังสูงถึงร้อยละ 71 ของการเสียชีวิตทั้งหมด และก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายทางสุขภาพ

  "จากข้อมูลของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้สำรวจระดับกิจกรรมทางกายและพฤติกรรมเนือยนิ่งในช่วง 10 ปี พบว่าประชากรไทยมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ และระยะเวลาการมีพฤติกรรมเนือยนิ่งในแต่ละวันไม่รวมเวลานอนหลับนั้น สูงเกือบ 14 ชั่วโมงต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น" นพ.บัญชา กล่าว

  รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา กรมอนามัย ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายได้จัดทำแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ.2561-2573 ที่มีเป้าหมายให้ประชาชนมีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงด้วยกิจกรรมทางกายในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ภายใต้ 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.การส่งเสริมกิจกรรมทางกายประชาชนทุกกลุ่มวัย 2.การส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย และ 3.การพัฒนาระบบสนับสนุนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอตามแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย (พ.ศ.2561-2573)

  "ซึ่งได้จัดทำโครงการขับเคลื่อนแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ.2561-2573 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มท., ศธ., กก., พม., ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย (TPAK) สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหิดล ในการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้และความเข้าใจเรื่องกิจกรรมทางกายให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มวัยผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น แพลตฟอร์ม ก้าวท้าใจ, เฟซบุ๊ก, ยูทูบ, แบนเนอร์ บนเว็บไซต์, ไลน์,ไลฟ์ สตรีมมิ่ง รวมทั้งลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ในโรงเรียน ชุมชน และโรงงาน" นพ.บัญชา กล่าว

  นอกจากนี้ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ยังได้ดำเนินการขับเคลื่อนระบบสนับสนุนการส่งเสริมกิจกรรมทางกายทั้ง 5 ระบบ ได้แก่ ระบบการสร้างองค์ความรู้ และวิจัยกิจกรรมทางกาย ระบบพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย ระบบพัฒนาศักยภาพบุคลากร ระบบการสื่อสารรณรงค์ และระบบติดตามการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย

  "ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานการขับเคลื่อนแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย โดยเฉพาะแพลตฟอร์มก้าวท้าใจ ที่พัฒนาเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกกำลังกายและความรอบรู้ด้านสุขภาพที่ถูกต้อง รวมถึงส่งเสริมให้บุคลากรสาธารณสุขเป็นต้นแบบด้านสุขภาพ โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ในการส่งเสริมการออกกำลังกาย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 3,255,743 คน โดยพบว่าสัดส่วนของผู้มีดัชนีมวลกาย หรือบีเอ็มไอ (BMI) ปกติเพิ่มขึ้น ตามระดับการมีกิจกรรมทางกายที่เพิ่มขึ้น คือ ผู้มีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ มี BMI ปกติ ร้อยละ 38.89 ผู้มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ มี BMI ปกติร้อยละ 41.60 และผู้มีกิจกรรมทางกายสูง มี BMI ปกติร้อยละ 43.37

  นอกจากนี้ กิจกรรมนี้ยังสามารถสร้างกระบวนการสร้างสุขภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และนำไปขับเคลื่อนสุขภาพวัยทำงานได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน ร้อยละ 92 จากข้อมูลพบว่า กลุ่มวัยทำงานที่มีทั้งหมด 38 ล้านคน มีเพียงร้อยละ 10 ที่เข้าร่วมกิจกรรมก้าวท้าใจ ซึ่งยังสามารถขับเคลื่อนกิจกรรมก้าวท้าใจให้ขยายได้อีกจำนวนมากต่อไป" นพ.บัญชา กล่าว



ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : thaihealth