เขียนเมื่อ : วันจันทร์ ที่ 3 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 | อ่านแล้ว : 768 ครั้ง

เฮ! ทีมแพทย์ไทย พบวิธีรักษาโคโรน่าไวรัส 2019 เผยผู้ป่วยหนักดีขึ้นใน 48 ชั่วโมง แชร์ทั่วโลกใช้


เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกรียงศักดิ์ อติพรวณิช นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ รพ.ราชวิถี กล่าวว่า ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงดังกล่าวเป็นผู้ป่วยหญิงชาวจีนอายุ 70 กว่าปี ซึ่งมาจากอู่ฮั่น โดยมีโรคความดันโลหิตสูง และอาจมีโรคหัวใจร่วมด้วย ซึ่งได้รับการรักษาที่ รพ.หัวหินมาก่อน ซึ่งขณะที่อยู่ รพ.หัวหิน ก็ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ 2 ตัว ซึ่งมีรายงานในต่างประเทศว่าได้ผล

โดยให้มาประมาณ 2 วันแต่เมื่ออาการไม่ดีขึ้น ก็ได้มีการส่งตัวมารับการรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2563 ซึ่งรพ.ราชวิถีเราได้ให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ โอเซลทามิเวียร์ ซึ่งผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และเรามียาอยู่แล้ว แต่ใช้ในขนาดที่สูง เพราะคนไข้มีอาการหนัก สาเหตุที่เลือกใช้เพราะมีรายงานว่า ยาตัวนี้ได้ผลในคนไข้โรคเมอร์ส ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มเดียวกัน จึงตัดสินใจว่า คนไข้อาการหนักต้องรักษาคนไข้ไว้ก่อนและคอยระวังผลข้างเคียง จึงตัดสินใจให้ยาไปตั้งแต่วันแรกที่มาถึงและเฝ้าดูอาการทุกวันตลอดเวลา

นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่ายาที่ให้เป็นยา 2 กลุ่ม 3 ตัว คือ กลุ่มยาต้านไวรัสเอดส์ คือ ยาโลพินาเวียร์ 200 มิลลิกรัม คูณ 4 เป็น 800 มิลลิกรัมต่อวัน และยาริโทนาเวียร์ 50 มิลลิกรัม คูณ 4 เป็น 200 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งยาทั้งสองตัวนี้รวมอยู่ในเม็ดเดียวกัน และกลุ่มยารักษาไข้หวัดใหญ่ คือ ยาโอเซลทามิเวียร์ 300 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับวันแรกที่มาอาการหนักมาก ค่าการอักเสบในเลือดก็สูงขึ้นทุกวัน ถึงขั้นต้องตัดสินใจใส่ท่อช่วยหายใจ

แต่ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีเครื่องช่วยหายใจโดยไม่ต้องใส่ท่อ ก็ตัดสินใจให้ใช้เครื่องดังกล่าว และร่วมกับรีบให้ยารักษาอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่า ภายในไม่ถึง 12 ชั่วโมง จากคนไข้ที่ดูลุกไม่ได้อ่อนเพลีย ขึ้นมานั่งได้ ไข้ลง และจากนั้นอาการเหนื่อย ส่วนตอนนี้คนไข้ยังไม่หายและดีขึ้นอย่างชัดเจน และผลตรวจจากการรับการรักษามา 10 กว่าวัน ผลตรวจเป็นบวกมาตลอดไม่เคยลดเลย แต่พอได้รับยาสูตรนี้ที่ใช้ ผลเป็นผลภายใน 48 ชั่วโมงเป็นผลแล็บที่ยืนยันโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เมื่อถามว่าจากการรักษา 1 ราย ตอนนี้พอจะสรุปอะไรเกี่ยวกับการรักษาได้บ้างนพ.เกรียงศักดิ์กล่าวว่า แนวโน้มดีขึ้น แต่เรายังต้องรอการศึกษาที่จะบอกว่าการรักษานี้เป็นมาตรฐานการรักษา ซึ่งปัจจุบันโรคนี้ยังไม่มีมาตรฐานในการรักษา เพราะเป็นโรคอุบัติใหม่ ฉะนั้น เมื่อมีใครรายงานว่าแบบไหนได้ผลก็ต้องติดตาม เรามีการศึกษาและเปิดดูว่ามีรายงานเรื่องการรักษาใหม่ๆ ขึ้นมาทุกวันหรือไม่ ถ้ามีเราไม่หวง เราเอามารักษาคนไทยอยู่แล้ว

ถามว่าแนวทางการรักษาของเราแตกต่างจากจีนอย่างไร นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่าของจีนไม่ได้ให้ยาโอเซลทามิเวียร์หรืออาจมีการรักษาแต่ยังไม่ได้รายงานออกมาส่วนผลการรักษานี้ก็จะมีการแบ่งปันความก้าวหน้าให้ด้วย ส่วนอีก 1 รายที่รอผลเป็นปอดอักเสบเหมือนกัน อาการดีมาก แต่ที่ยังไม่แถลงเพราะผลตรวจแล็บยังไม่ออก โดยรายนี้อายุ 33 ปี เป็นคนไทยแต่ไปเที่ยวญี่ปุ่น ไม่มีประวัติสัมผัสคนจีน มีอาการที่ญี่ปุ่น

เมื่อถามว่า มีการศึกษาประเทศอื่นๆ หรือไม่ว่ามีการรักษาลักษณะไหนบ้าง รศ.นพ.สืบสาย คงแสงดาว นายแพทย์เชี่ยวชาญ รพ.ราชวิถี กล่าวว่าจีนก็มีการรายงานเป็นระยะ ที่เจอก็เป็นในทิศทางเดียวกัน เชื่อว่าความร่วมมือของแพทย์ในทุกประเทศทั่วโลกจะพัฒนาการรักษาร่วมกัน เราจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมช่วยกัน

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากเคสนี้เป็นเคสรีพอร์ต เป็นกรณีศึกษา ซึ่งจริงๆ แล้วแพทย์ได้ใช้วิธีการนี้รักษาจำนวน 3 ราย และทั้ง 3 ราย โดยมี 1 รายที่มีอาการแพ้ยารักษาไข้หวัดใหญ่จึงไม่ได้ให้ต่อ ส่วนอีก 2 รายอาการดีขึ้น ซึ่งในวันที่ 3 ก.พ. จะมีการประชุมคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ โดยเอาเคสนี้มาพิจารณาถึงแนวทางการรักษาว่า หากอาการไม่หนักก็ใช้แนวทางการรักษาตามปกติ แต่หากอาการรุนแรงก็มียาสูตรนี้เป็นทางเลือก โดยจะต้องมีการเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ



ขอบคุณ
ข้อมูล : ข่าวสด
ภาพ : thairath