เขียนเมื่อ : วันเสาร์ ที่ 6 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2561 | อ่านแล้ว : 1,597 ครั้ง

กล้วยน้ำว้า สรรพคุณเพียบ กินได้หมดทั้งสุกทั้งดิบ


ต้องยอมรับเลยว่าผลไม้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หาทานได้ง่ายมากๆ แถมยังเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย โดยเพาะกล้วยน้ำว้า สรรพคุณเพียบไม่ว่าจะกินตอนดิบ สุกหรือสุกงอม ก็ยังอุดมไปด้วยประโยชน์มากมาย ผลไม้ที่หลายคนนิยมทานเพื่อบำรุงร่างกายและลดน้ำหนัก ที่สำคัญกล้วยน้ำว้ายังให้ประโยชน์และสรรพคุณทางยาอย่างมากมาย จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

1.กล้วยดิบ
มีสารฝาดสมานชื่อแทนนิน ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ช่วยป้องกันผนังกระเพาะลำไส้ไม่ให้เชื้อโรคและของรสเผ็ดจัด เช่น พริก เข้าไปทำลายผนังกระเพาะลำไส้ ช่วยแก้ท้องเสีย กล้วยดิบมีฤทธิ์ทั้งป้องกันและรักษาโรคกระเพาะ ส่วนยาแผนปัจจุบันทุกขนานที่ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารนั้น มีฤทธิ์เพียงป้องกันแต่ไม่ช่วยรักษา กล้วยจึงเป็นยารักษาโรคกระเพาะที่มีราคาถูกที่สุดและหาง่ายที่สุด

2.กล้วยห่าม หรือกล้วยที่เพิ่งเริ่มสุก
เปลือกยังสีเขียวอยู่ประปราย เป็นทั้งยาและอาหารที่ดีมากสำหรับคนท้องเสีย เพราะนอกจากจะช่วยแก้ท้องเสียแล้วยังช่วยหล่อลื่นลำไส้ ช่วยเพิ่มกากเวลาถ่าย กล้วยกึ่งดิบกึ่งสุกยังมีธาตุโพแทสเซียมสูงมาก ตามธรรมดาคนไข้มักสูญเสียธาตุโพแทสเซียมเวลาท้องร่วง การกินกล้วยห่ามจึงเป็นการชดเชยธาตุโพแทสเซียมที่เสียไป เพราะถ้าร่างกายสูญเสียธาตุโพแทสเซียมไปมากๆ ขณะท้องร่วงจะทำให้การเต้นของหัวใจผิดปกติ ส่วนในคนชราอาจทำให้หัวใจวายตายได้ ยิ่งไปกว่านั้นกล้วยที่เริ่มสุกจะมีสารเซโรโทนินอยู่มาก ช่วยออกฤทธิ์กระตุ้นให้ผนังกระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือกมากขึ้น ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารแต่ไม่ช่วยลดการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร

3.กล้วยสุก
มีสรรพคุณตรงกันข้ามกับกล้วยดิบ คือ กล้วยสุกกลับเป็นยาระบายแก้ท้องผูก เพราะมีสารเพคตินอยู่มากช่วยเพิ่มกากในลำไส้ จะมีฤทธิ์ระบายสูงเพราะมีสารเพคตินมากขึ้นนั่นเอง ฤทธิ์ระบายของกล้วยน้ำว้าสุกไม่รุนแรงมากต้องกินเป็นประจำวันละ 5-6 ลูก จึงจะเห็นผล อุจจาระที่ออกมาเป็นสีเหลือง ไม่มีกลิ่นเหม็น การกินกล้วยสุกก็ต้องเคี้ยวให้ละเอียด เพราะกล้วยเป็นผลไม้ที่มีแป้งอยู่ถึง 20-25% ของเนื้อกล้วย จึงสามารถนำมาเป็นอาหารเสริมให้เด็กเล็กได้ตามปกติกระเพาะมีเอนไซม์ย่อยแป้งน้อย หากกินกล้วยโดยเคี้ยวหยาบๆ จะทำให้ท้องอืด จุกแน่น โดยเฉพาะในเด็กเล็กควรเริ่มให้กินกล้วยสุกเมื่อเด็กเริ่มกินข้าวบดได้อายุราว 3 เดือน โดยขูดเนื้อกล้วยสุกไม่เอาไส้กล้วยเพราะจะทำให้เด็กท้องผูกให้กินคราวละน้อยๆ ไม่ควรเกินครึ่งช้อนชาวันละครั้ง เพราะเด็กยังมีน้ำย่อยแป้งไม่พออาจเกิดอาการท้องอืดได้ เด็กอายุครบขวบกินกล้วยครั้งละ 1ลูก วันละครั้งก็พอ

4.กล้วยสุกงอม
กล้วยที่สุกเต็มที่จะสร้างสารที่เรียกว่า TNF (Tumor Necrosis Factor) ซึ่งมีความสามารถที่จะไปต่อสู้กับเซลล์ที่ผิดปกติ ยิ่งกล้วยสุกมากเท่าไหร่ก็จะเกิดจุดสีดำที่เปลือกมากขึ้นยิ่งมีจุดดำนี้มากขึ้นเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้เกิดภูมิต้านทานมากขึ้น ในการทดลองกับสัตว์โดยศาสตราจารย์ญี่ปุ่นผู้หนึ่งแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ในการเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้จากผลไม้ต่างๆ โดยใช้ กล้วย องุ่น แอปเปิล แตงโม สับปะรด ลูกแพร์ ลูกพลับ ปรากฏว่ากล้วยให้ผลดีที่สุด มันช่วยทำให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย สร้างสารต้านมะเร็ง

คำแนะนำ คือ ให้กินกล้วยวันละ 1-2 ใบ เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ เช่น หวัดและไข้หวัดใหญ่ กล้วยที่มีผิวเหลืองและมีจุดดำหลายแห่งจะมีคุณสมบัติในการเพิ่มเม็ดเลือดขาวได้มากกว่ากล้วยที่มีผิวเขียวถึง 8 เท่า นอกจากนี้ยังพบว่ารากกล้วย–แก้ขัดเบา ต้น–ห้ามเลือดและแก้โรคไส้เลื่อน ใบ–รักษาแผลสุนัขกัดและห้ามเลือด ยางจากใบ–ห้ามเลือดและสมานแผล



ขอบคุณข้อมูลจาก : มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย