เขียนเมื่อ : วันอังคาร ที่ 30 เดือน มกราคม พ.ศ.2561 | อ่านแล้ว : 1,517 ครั้ง
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคใกล้ตัว “วัยทำงาน”
แพทย์เตือนวัยทำงาน กลุ่มเสี่ยงโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานและมีนิสัยชอบกลั้นปัสสาวะ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น อีโคไล เชื้อโรคเหล่านี้จะมีอยู่มากบริเวณรอบๆ ทวารหนัก สามารถปนเปื้อนผ่านเข้าท่อปัสสาวะและเข้ามาในกระเพาะปัสสาวะได้ โรคนี้มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นกว่าและอยู่ใกล้ทวารหนัก เชื้อโรคจึงเข้าทางท่อปัสสาวะของผู้หญิงได้ง่ายกว่า
อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
อาการของโรคนี้ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายปัสสาวะกะปริดกระปรอย รู้สึกปวดขัดหรือแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะโดยเฉพาะตอนถ่ายปัสสาวะสุด บางรายอาจจะมีเลือดปนในปัสสาวะ ปวดบริเวณเอว ท้องน้อย มักต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ชั่วโมงละหลายครั้ง และมีอาการคล้ายถ่ายปัสสาวะไม่สุดอยู่ตลอดเวลา
วิธีรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
แพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคโดยดูจากอาการ ตรวจปัสสาวะ หรืออาจจะตรวจในด้านอื่นๆ เพิ่มเติมการรักษาแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะหรือยารักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดชนิดคลายการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะ และผู้ป่วยควรดื่มน้ำให้มาก อย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้ว เพื่อขับเชื้อออกทางปัสสาวะ ซึ่งโดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นภายใน 5 - 7 วัน หลังรับยาแล้ว ในกรณีผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการที่ยังไม่ดีขึ้นหลังจากได้รับการรักษาในครั้งแรก ควรรีบพบแพทย์โดยทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด ไม่ควรรอดูอาการด้วยตนเองหรือซื้อยารับประทานเอง
สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบและรักษาหายแล้ว ควรดูแลตนเองป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำโดยการดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ ควรถ่ายปัสสาวะทุกครั้งที่รู้สึกปวด ไม่กลั้นปัสสาวะและควรรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน เพื่อลดการติดเชื้อโรค ส่วนมากโรคนี้มักจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจเป็นๆ หายๆ ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามไปที่ไตทำให้กรวยไตอักเสบและถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรังอาจทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรังแทรกซ้อนได้ ผู้ที่มีอาการหรือสงสัยว่าตนเองเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต้องรีบมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : นายแพทย์ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์,นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี