เขียนเมื่อ : วันจันทร์ ที่ 8 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2560 | อ่านแล้ว : 989 ครั้ง

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคฮิตสาวออฟฟิต


โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือ Cystitis เกิดจากแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่อยู่ในลำไส้ของคนเรา โดยเชื้อชนิดนี้มันจะเข้าไปทางท่อปัสสาวะ ดังนั้น จึงมักพบผู้หญิงป่วยด้วยโรคนี้มากกว่าผู้ชายหลายเท่า นั่นเพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้น และอยู่ใกล้ทวารหนัก ซึ่งเป็นแหล่งที่มีเชื้อโรคมากนั่นเอง
เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้หญิงแทบทุกคนมีโอกาสเป็นโรคนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม แต่จะพบมากเป็นพิเศษในกลุ่มหญิงมีครรภ์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์) รวมทั้งผู้หญิงที่ชอบอั้นปัสสาวะนานๆ และผู้หญิงที่แต่งงานใหม่ เพราะการมีเพศสัมพันธ์จะทำให้เชื้อเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้ นอกจากนี้ คนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และต่อมลูกหมากโต ก็อาจมีอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบแทรกซ้อนด้วย

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการเป็นอย่างไร
- ปัสสาวะกะปริดกะปรอย
- ปวดปัสสาวะบ่อย แต่รู้สึกปัสสาวะออกไม่สุด
- มักปวดขัด หรือแสบร้อนเวลาปัสสาวะ
- บางคนอาจปวดท้องน้อยเวลาปัสสาวะด้วย
- หากสังเกต ปัสสาวะจะมีกลิ่นเหม็น สีใส แต่ปัสสาวะบางคนก็อาจขุ่น หรือมีเลือดปนด้วย ซึ่งอาการจะเกิดขึ้นหลังอั้นปัสสาวะนาน ๆ หรือหลังร่วมเพศ
- ในเด็กเล็กอาจเป็นไข้ เบื่ออาหาร และอาเจียนร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม โรคนี้มักจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แต่บางคนอาจเป็นๆ หายๆ หรือเป็นเรื้อรัง ถ้าไม่ได้รับการรักษา เชื้อโรคอาจลุกลามทำให้กลายเป็นโรคกรวยไตอักเสบหรือไตวายได้ หากผู้ป่วยเป็นผู้ชายและมีอาการรุนแรง เชื้อก็อาจลามเข้าไปทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบได้

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ป้องกันได้อย่างไร
โรคนี้ไม่ได้เกิดจากการกลั้นปัสสาวะอย่างเดียว เพราะเกิดจากการติดเชื้อได้เช่นกัน ดังนั้น นอกจากเราจะไม่อั้นปัสสาวะแล้ว เรายังต้องป้องกันการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะด้วย ซึ่งสามารถป้องกันได้ดังนี้
1.ดื่มน้ำวันละมากๆ
2.ห้ามกลั้นปัสสาวะถ้าไม่จำเป็น เพราะเชื้อโรคในกระเพาะปัสสาวะจะเจริญพันธุ์ได้มากขึ้น อีกทั้ง กระเพาะปัสสาวะที่เต็มไปด้วยปัสสาวะจะยืดตัว ทำให้ความสามารถในการขจัดเชื้อโรคของเยื่อบุผิวกระเพาะปัสสาวะลดน้อยลง จึงทำให้เกิดการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
3.ถ้าจะออกไปข้างนอก ควรเข้าห้องน้ำปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้ง
4.เวลาอาบน้ำ ควรใช้ฝักบัวหรือตักอาบ จะดีกว่าการใช้อาบอ่างน้ำ ซึ่งจะทำให้เชื้อโรคในอ่าง เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่า
5.ห้ามใช้ยาสวนล้างช่องคลอด
6.หากมีอาการปวดแสบเวลาถ่ายปัสสาวะ ให้รีบดื่มน้ำมาก ๆ (ประมาณวันละ 3-4 ลิตร) เพื่อขับเชื้อโรคออกจากร่างกายโดยเร็ว และยังช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะได้ด้วย
โรคกระเพาะปัสสาวะ เป็นอีกโรคหนึ่งที่อยู่ใกล้ตัว และสามารถเกิดขึ้นกับทุกคนได้ง่ายมากๆ โดยเฉพาะคุณสาวๆ เพราะฉะนั้นถ้าใครไม่อยากทุกข์ทรมานจากโรคนี้แล้วล่ะก็ อย่าลืมดูแลตัวเองให้ดีนะคะ